Vapor Recovery Unit : VRU
26 Sep 2013
สารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs : Volatile Organic Compounds) เป็นสารมลพิษที่มี ความสำคัญมาก นอกจากจะเป็นสารพิษที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพแล้ว ยังเป็นสารตั้งต้นประเภทหนึ่งใน ปฏิกิริยาการเกิดโอโซน แหล่งที่มีของสารประกอบอินทรย์ระเหยง่ายมีทั้งจากกระบวนการทางชีวะโดย แบคทีเรียและพืชชั้นสูง และจากกิจกรรมของมนุษย์ ได้แก่ กระบวนการเผาไหม้โดยเฉพาะจาก เครื่องยนต์สันดาปภายใน การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีตัวทำละลายเป็นองค์ประกอบและขบวนการผลิตทาง อุตสาหกรรมที่มีการใช้ตัวทำละลาย ไอน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นสารมลพิษประเภทสารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs : Volatile Organic Compounds) มีผลกระทบโดยตรงต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม โดยผลกระทบต่อมนุษย์ก่อให้เกิดการ ระคายเคืองต่อผิวหนัง ตา ระบบทางเดินหายใจ และเยื่อบุผิวต่าง ๆ นอกจากนี้ยังพบว่าไอน้ำมัน เชื้อเพลิงมีองค์ประกอบของสารประเภท Benzene ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งเม็ดเลือดขาว (ลูคีเมีย) ส่วน ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทำให้มีปริมาณการเกิดก๊าซโอโซนในบรรยากาศ โดยแหล่งกำเนิดไอน้ำมัน เชื้อเพลิงจะอยู่ที่คลังน้ำมันเชื้อเพลิง สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง และการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง จึงมี ความจำเป็นอย่างเร่งด่วน การควบคุมปริมาณไอน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อควบคุมปริมาณก๊าซโอโซนและ ปริมาณสารเบนซินในบรรยากาศให้อยู่ในระดับต่ำสุด
ดังนั้นเพื่อป้องกันปัญหาไอน้ำมันเบนซินที่ยังไม่ได้มีการเผาไหม้ ระเหยสู่อากาศโดยตรงจึงได้ มีการนำเครื่องควบคุมไอระเหยน้ำมัน (Vapor Recovery Unit : VRU) เพื่อนำเอาไอน้ำมันที่ระเหยออก กลับมาใช้ และช่วยลดมลพิษของไอระเหยของน้ำมัน ในบรรยากาศไม่ให้เกินมาตรฐานของประเทศ ไทยที่กำหนดระหว่าง 10-35 มิลลิกรัมต่อลิตร ซึ่งในปัจจุบันทางบริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อได้ติดตั้ง
สารอินทรีย์ไอระเหย และสุขภาพ (Volatile Organic Chemicals and Health)
1. สารอินทรีย์ไอระเหยกับชีวิตประจำวัน
สารอินทรีย์ไอระเหย (Volatile Organic Chemicals, VOCs) คือ กลุ่มสารประกอบอินทรีย์ที่ ระเหยเป็นไอกระจายตัวไปในอากาศ ได้ในที่อุณหภูมิและความดันปกติ โมเลกุลส่วนใหญ่ประกอบ ด้วยอะตอมคาร์บอนและไฮโดรเจน อาจมีออกซิเจนหรือ คลอรีนร่วมด้วย สามารถระเหยเป็นไอได้ที่ อุณหภูมิห้อง ในชีวิตประจำวันเราได้รับ VOCs จากผลิตภัณฑ์หลายอย่าง เช่น สีทาบ้าน, ควันบุหรี่, น้ำยาฟอกสี, สารตัวทำละลายในพิมพ์, จากอู่พ่นสีรถยนต์, โรงงานอุตสาหกรรม, น้ำยาซักแห้ง, น้ำยา สำหรับย้อมผมและน้ำยาดัดผม, สารฆ่าแมลง, สารที่เกิดจากเผาไหม้ และปะปนในอากาศ น้ำดื่ม เครื่องดื่ม อาหาร สารอินทรีย์ ไอระเหยที่สะสมไว้มากนาน ๆ จะมีผลกระทบทางชีวภาพและเป็น อันตรายต่อสุขภาพ
เราแบ่ง VOCs ออกตามลักษณะของโมเลกุล เป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ
1) Non-chlorinated VOCs หรือ Non-halogenated hydrocarbons ได้แก่ กลุ่ม ไฮโดรคาร์บอนระเหยที่ไม่มีธาตุคลอรีนในโมเลกุล ประกอบด้วย aliphatic hydrocarbons (เช่น fuel oils, gasoline, hexane, industrial solvents, alcohols, aldehydes, ketone) และกลุ่มสาร aromatic hydrocarbons (เช่น สารตัวทำละลาย - toluene, benzene, ethylbenzene, xylenes, styrene, phenol) สาร VOCs กลุ่มนี้มา จากสิ่งแวดล้อม การเผาไหม้กองขยะ พลาสติก วัสดุ สารตัวทำละลาย สีทาวัสดุ เป็น ต้น มีผลเสียต่อสุขภาพ ดังนี้ พนักงานดับเพลิง คนงานเผาขยะ คนเผาถ่าน มักป่วย ด้วยโรคทางเดินลมหายใจบ่อยเพราะได้รับ VOCs ประมาณ 144 ชนิด เป็นประจำจากควันไฟและเชื้อเพลิง ในรูปของ benzene, toluene, naphthalene propene, และ 1,3-butadiene, styene และ alkyl-substituted benzene compounds อื่น ๆ xylenes, 1- butene/2-methylpropene, propane, 2-methylbutane, ethylbenzene, naphthalene, isopropylbenzene รวมกันในปริมาตรสูงถึง 76.8 %ของ VOCs ทั้งหมดที่วัดได้
2) chlorinated VOCs หรือ halogenated hydrocarbons ได้แก่ กลุ่มไฮโดรคาร์บอน ระเหยที่มีธาตุคลอรีนในโมเลกุล ได้แก่ สารเคมีที่สังเคราะห์ใช้ในอุตสาหกรรมสาร chlorinated VOCs นี้มีความเป็นพิษมากกว่าและเสถียรตัวในสิ่งแวดล้อมมากกว่า สารกลุ่มแรก (non-chlorinated VOCs) เพราะมีโครงสร้างที่มีพันธะระหว่าง คาร์บอนและธาตุกลุ่มฮาโลเจนที่ทนทานมาก ยากต่อการสลายตัวในธรรมชาติ ทาง ชีวภาพ ทางกายภาพ หรือโดยทางวิธีเคมีทั่วไป มีความคงตัวสูงและสะสมได้นาน